มาสก์หน้าให้ถูกวิธี



ขั้นตอนการมาสก์หน้าให้ได้ผลดีที่สุด

สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ การล้างหน้าให้สะอาดด้วยสบู่ หรือ โฟมล้างหน้าที่คุณมี แล้วขัดหน้าเบาๆด้วยสครับ เพื่อให้ส่วนผสมของมาสก์ซึมซับเข้าสู่ผิวคุณได้ดียิ่งขี้น

อย่าลืมเก็บผมให้เรียบร้อยด้วยที่คาดผม หรือ หมวกคลุมผมนะคะ

ใช้ไม้พายหรือนิ้วมือที่สะอาดทามาสก์ที่หน้าเบาๆ ขี้นลงและหมุนเป็นวงกลม เริ่มจากคางและขึ้นไปที่แก้วและหน้าผาก เรื่อยไปจนถึงจมูกไล่จากสันจมูกออกไปหาแก้ม เว้นรอบปาก, รอบดวงตาและบริเวณคิ้ว สุดท้ายทาที่ลำคอโดยทาจากล่างขึ้นบน ถ้ามีเหลือทารอบบนช่วงอกได้เลยค่ะ

มาสก์หน้าไว้ประมาณ 5-60 นาที แล้วแต่ส่วนผสมของมาสก์ที่คุณใช้ รอจนกระทั่งมาสก์แห้ง

เมื่อมาสก์แห้งแล้ว ให้ล้างหน้าเบาๆ และเช็ดออกด้วยผ้าที่แห้งและสะอาด  หลังจากนั้นใช้โทนเนอร์ และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ จบขั้นตอนนี้คุณก็จะได้ผิวหน้าที่สะอาดสดชื่นแล้วค่ะ

ข้อควรระวัง

ถ้าไม่แน่ใจว่าแพ้มาสก์ที่จะใช้หรือไม่ ลองใช้มาสก์สักเล็กน้อยทาที่ผิวของคุณ อย่างเช่น หลังใบหู รอประมาณ 20 นาที ดูว่าผลเป็นอย่างไร

ถ้าการมาสก์หน้าต้องใช้น้ำเป็นส่วนผสม ใช้น้ำที่สะอาด  น้ำที่ใช้หากยิ่งกระด้างแรู่ธาตุยิ่งมาก  และมีโอกาสทำให้ผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย จะใช้น้ำต้มก็ได้ค่ะ

ไม่ควรมาสก์หน้าเกินอาทิตย์ละสองครั้ง และลองสลัีบชนิดของมาสก์หน้าเพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงที่หลากหลาย

ดื่มชาเขียวมีประโยชน์

 หลายคนคงเคยได้ยินว่า ชาเขียว มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ ว่ามีประโยชน์อะไรบ้าง

 ลองมาดูกันค่ะ ถ้าได้ลองอ่านแล้ว เชื่อแน่ว่าเวลาดื่ม ชาเขียว แล้ว จะรู้สึกว่ารสชาติดีขึ้น อร่อยขึ้น ชื่นใจขึ้น แน่นอน



 



ชาเขียว อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (anti-oxidants) ซึ่งช่วยให้

1. ป้องกันมะเร็ง
        มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าชาเขียวที่เราบริโภคทุกวัน สามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งที่กระเพาะอาหาร, ลำไส้ใหญ่ และตับอ่อนได้มากถึง 60%   สารต้านอนุมูลอิสระที่รู้จักกันในนาม epigallocatechin gallate (EGCG) มีประสิทธภาพในการปกป้องเซลล์จากการติดเชื้อมากกว่าวิตามินซีอย่างน้อย 100 เท่า และมากกว่าวิตามินอี 25 เท่า

2. ลด คลอเรสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL)
        และเพิ่มระดับคลอเรสเตอรอลที่ดี (HDL)  ทำให้นักดื่มชาสามารถกินอาหารที่มีคลอเรสเตอรอลได้มากเป็นสองเท่าของผู้ที่ไม่ดื่มชาแต่ระดับคลอเรสเตอรอลยังคงเท่ากัน  ชาเขียวช่วยลดปริมาณการเสี่ยงของไขมันอุดตันหลอดเลือด ซึ่งเป็นผลดีต่อหัวใจและสมอง ลดความดันเลือดสูง

3. ช่วยตับล้างสารพิษ   เช่น แอลกอฮอล์ และสารเคมีในควันบุหรี่

4. ลดกลิ่นปาก
        ชาเขียวช่วยทำลายแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปาก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ลมหายใจมีกลิ่น หลังจากกินอาหารที่มีรสหวาน ขอแนะนำให้ดื่มชาเขียวสักถ้วยนะคะ

5. ทำลายอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของริ้วรอย

6. ช่วยเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

7. มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
        ชาเขียวช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค และช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วจากไข้หวัด  นอกจากนี้ยังฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษ       


สำหรับชาดำ ถึงแม้ว่าจะเป็นที่นิยมดื่มกันมากและมาจากแหล่งเพาะปลูกที่เดียวกับชาเขียว แต่ชาดำจะไม่ให้ประโยชน์มากเท่ากับชาเขียว เนื่องจากกระบวนการผลิตชาดำทำให้สูญเสียสารที่เป็นประโยชน์ออกไปมาก

วิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันหรือยับยั้งโรคต่างๆข้างต้น คือการดื่มชาที่ชงใหม่ๆ  เครื่องดื่มพร้อมดื่มทุกชนิดรวมถึงชาสำเร็จรูปจะให้ประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพน้อยมาก  การชงชาดื่มควรแช่ใบชาไว้ประมาณ 4-5 นาทีก่อนดื่ม

หวังว่าหลังจากอ่านหัวข้อนี้แล้ว คุณจะดื่มชาเขียวเป็นประจำทุกวัน และรู้สึกดีเมื่อได้ดื่มนะคะ

จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณมีผิวแบบไหน


สภาพผิวของคุณเป็นผิวชนิดไหน

ความลับในการมีผิวที่สวยคือการรู้ว่าเรามีสภาพผิวเป็นอย่างไร วิธีการต่อไปนี้จะบอกให้คุณได้รู้จักสภาพผิวของคุณเพื่อจะไ้ด้รักษาผิวของคุณให้ดูดีที่สุด และนอกจากนี้่ยังทำให้คุณเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้เหมาะกับผิวของคุณ ลองดูนะคะว่าผิวของคุณเป็นแบบไหน

1.  ผิวมัน
        ผู้ที่มีผิวมัน จะมีกลิ่นตัว และมีรูขุมขนผิวกว้าง โดยเฉพาะที่คางและจมูก ลองสังเกตดูนะคะ นอกจากนี้ยังมีสิวอุดตัน และสิวเสี้ยน หลังล้างหน้าประมาณ 1-2 ชั่วโมง ใบหน้าก็จะเริ่มเป็นมันเงา  สำหรับผิวชนิดนี้ควรหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ  ใช้น้ำเย็นล้างหน้าเป็นน้ำสุดท้ายหลังทำความสะอาดหน้าเพื่อปิดรูขุมขน และควรใช้เครื่องสำอางค์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสมน้อยหรือไม่มีเลย

2.  ผิวแห้ง        ผิวแห้งจะเป็นผิวที่เกิดริ้วรอยง่าย และมีรูขุมขนเล็ก ทำให้ไม่ค่อยเป็นสิวเสี้ยน  จะรู้สึกผิวตึงและบางคนอาจจะมีริ้วรอยรอบๆปากและตา  ผิวจะแดงและดูแห้งเป็นขุยเมื่อถูกอากาศเย็น  หน้าจะเริ่มเป็นมันเงาที่จมูกและหน้าผากหลังจากทำความสะอาดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง หลังทำความสะอาดใบหน้าควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุง และใช้เครื่องสำอางค์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน

3.  ผิวผสม        สำหรับผู้ที่มีผิวผสม จะมีสิวเสี้ยน และรูขุมขนกว้างรอบๆจมูก คาง และหน้าผาก (โซนผิวมัน)  แต่จะรู้สึกผิวแห้งรอบๆดวงตา คางและปาก  หน้าจะเริ่มเป็นมันเงาหลังทำความสะอาดหน้าประมาณ 3 ชั่วโมง  ถ้าผิวส่วนใหญ่มัน ให้ทำความสะอาดเหมือนผิวมัน แต่ถ้าส่วนใหญ่เป็นผิวแห้งให้ทำความสะอาดเหมือนกับผิวแห้ง และควรใช้เครื่องสำอางค์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันสำหรับผิวผสม

4.  ผิวธรรมดา        ถ้าคุณมีผิวที่เนียนนุ่มมีความยืดหยุ่นดี อาจจะมีรูขุมขนกว้างบ้างเล็กน้อยหรือมีริ้วรอยบ้างนิดหน่อย คุณมีผิวธรรมดาคุ่ะ สำหรับผู้ที่มีผิวธรรมดาจะใช้เครื่องสำอางค์แบบใดก็ได้ แต่ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อป้องกันผิวหยาบกร้าน

การดูแลผิวเบื้องต้น