ลบรอยแผลเป็น


รอยแผลเป็นเกิดจากการที่ผิวหนังสร้างเนื้อเยื่อขึ้นเพื่อปกป้องบริเวณแผลที่เกิดจากสิว, ไฟไหม้, แมลงกัด หรือโดนของมีคมบาด  แผลเป็นมีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับบาดแผลที่ได้รับ และ ปัจจัยอื่นๆ เช่น พันธุกรรม บางคนอาจมีแนวโน้มเกิดแผลเป็นมากกว่าคนอื่น

ประเภทของรอยแผลเป็น

      1. แผลเป็นนูน แบ่งเป็น 2ชนิด คือ
                1.1  แผลคีลอยด์ (keloid) มีลักษณะเป็นแผลนูนออกนอกแผลเดิมมาก พบในบริเวณที่เฉพาะเจาะจง ได้แ่ก่ บริเวณติ่งหู (จากการเจาะหู), บริเวณหน้าอก,บริเวณหัวไหล่ (เกิดจากการปลูกฝี) หรือเกิดขึ้นกับบริเวณอื่นในกรณีที่แผลหายช้ากว่า 3 สัปดาห์ขึ้นไป หรือในบริเวณที่ผิวหนังมีแรงตึงมาก เช่นแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้องหรือหลัง แผลเป็นชนิดนี้ไม่สามารถหายเองได้
                1.2  แผลเป็นนูน (hypertrophic scar) เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายเพื่อทำให้บาดแผลหาย แต่มักจะนูนอยู่ในขอบเขตของแผล ไม่นูนยื่นแบบคีลอยด์ แผลชนิดนี้บางประเภทสามารถหายได้เอง บางประเภทต้องรักษาโดยแพทย์
     
      2. แผลเป็นหลุม (atrophic scar) มักเกิดหลังจากการอักเสบของผิว เช่น สิว หรือ อีสุกอีใส ชั้นเนื่อเยื่อของผิวถูกทำลายลึก จนไม่สามารถสร้างชั้นผิวได้เหมือนผิวด้านข้าง ทำให้เห็นเป็นหลุม

      3. แผลเป็นแตกลาย (stretch marks) เป็นที่มีลักษณะยืดกว้างออกจากรอยเดิม เช่นรอยแตกลายหลังคลอด หรือหลังลดความอ้วน อีกส่วนหนึ่งเกิดจากเทคนิคการเย็บแผล เย็บขอบแผลไม่สนิท ไม่เรียบร้อย ไม่แข็งแรง เมื่อขยับตัวผิวบริเวณแผลจะแยกและยืดออก แผลลักษณะนี้พบได้บ่อย

เนื่องจากแผลเป็นมีหลายประเภท วิธีการรักษาหรือลดรอยแผลเป็นจึงมีหลายวิธี

วิธีการรักษาแผลเป็นด้วยตัวเอง

-หยดวิตามินอี ชนิดแคปซูล และุถูรอบบริเวณแผลเป็น วันละ 3 ครั้ง ประมาณ 2 สัปดาห์ จะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง

-สำหรับรอยแผลแตกลาย และแผลเป็นหลุม นิยมใช้ cocoa butter  ทำจากน้ำมันในเมล็ดโกโก้ มีราคาแพงแต่ให้กลิ่นหอม  cocoa butter ได้รับการทดสอบแล้วว่าสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ลึก
cocoa

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น